18.1.53

-:: สับสน ::-

ในขณะที่ชั้นนั่งฟังเสียงของตัวเองที่กำลังร่ำไห้ให้กับความโง่เขลาและขลาดกลัว
ชั้นรู้สึกถึงแรงสั่นสะท้านของตัวเองที่เกิดขึ้น
แม้จะรุนแรง... ทว่ากลับเงียบงัน
ไม่มีใครได้ยินนอกจากตัวชั้น
ไม่มีใครได้เห็นความน่าละอายนี้... นอกจากตัวชั้นที่สะท้อนเงาอยู่ในกระจก

ชั้นเคยร้องไห้ยาวนานขนาดนี้... แต่นั่นมันนานมากแล้ว
และนี่ก็เป็นอีกครั้ง... ที่ชั้นนั่งร้องไห้ ฟูมฟายราวกับจะเป็นจะตาย...
โดยไม่นึกอายตัวเอง

เกิดอะไรขึ้นกับชั้นรึ?
ทำไมชั้นถึงต้องร้องไห้มากมายขนาดนี้?
คำถาม... ที่ชั้นก็ไม่อาจหาคำตอบให้ตัวเองได้

ตอนนี้ชั้นย่ำแย่... ใช่แล้ว ชั้นรู้สึกแบบนี้จริงๆ
ตอนนี้ชั้นเกลียดตัวเอง... เกลียดอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

อยากเอามีดมาชำแรก แทรกลงไปในผิวกายที่แสนจะสกปรกโสมมของชั้น
อยากเอาหนามคมๆ มาทิ่มแทงลงไปในทุกอณูของร่างกายชั้น
อยากเอาเหล็กแหลมมาเสียบลงไป ปักลงกลางใจชั้น

อยากทำร้ายตัวเอง...
อยากสมน้ำหน้าตัวเอง...
อยากสมเพทตัวเอง...

ชั้นนั่งร้องไห้... ให้กับความเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย และความรู้สึกที่แสนจะสับสนของตัวเอง
ชั้น... อ่อนแอและย่ำแย่ถึงขีดสุด
อยากร้องไห้... แม้จะยังไม่อยากตาย แต่ก็ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว
อยากหลับตา... แล้วตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากวันเกิดของตัวเอง

เผื่อว่า... อะไรๆ มันจะดีขึ้นมาบ้าง
เผื่อว่า... ชั้นอาจจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทุกๆ เรื่อง ทุกๆ ความทรงจำ
เหลือไว้เพียงตัวเอง... ที่ลืมตาตื่นขึ้นมา พร้อมกับร่างที่เปลือยเปล่า และไม่เหลือความทรงจำใดๆ

8.1.53

+:: ใครสักคน ::+

เคยลองจินตนาการถึงตัวเองในอีกสัก 5 ปี 10 ปีข้างหน้ามั้ย
ชั้นมองเห็นตัวเองตื่นขึ้นมากลางดึก ขณะที่ได้ยินเสียงเจ้าตัวเล็กร้องอ้อแอ้
ขณะที่กำลังยันกายเตรียมลุกขึ้น ก็มีฝ่ามือที่อบอุ่นและคุ้นเคยจับที่หัวไหล่ชั้นเบาๆ
แล้วกระซิบข้างหูว่า "เดี๋ยวผมลุกไปดูเอง คุณนอนต่อเถอะ"

ชั้นลองจินตนาการถึงตัวเองในอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้า
ชีวิตชั้นคงยุ่งวุ่นวายกว่านี้แน่ๆ
ถึงตอนนั้น ชั้นอาจจะเบื่อที่ต้องทำงานออฟฟิศ
เบื่อที่ต้องใช้ชีวิตคนเดียวโดยไม่มีใครเคียงข้าง
และถึงตอนนั้น ชั้นอาจจะเจอผู้ชายสักคน
ที่แม้จะไม่ดีเลิศเลอ... แต่เค้าก็เป็นคนที่ชั้นอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยจนแก่เฒ่า และตายจากกันไป

ถึงตอนนั้น ชั้นอาจจะไม่ใช่ผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบนี้ก็เป็นได้
ชั้นอาจจะอ้วนเผละ และกระเตงลูกอีกคน 2 คน
ขณะที่กำลังสาละวนอยู่กับมื้อเช้าที่ต้องทำให้เสร็จก่อนที่คุณสามีจะออกไปทำงาน
ไหนเลยจะต้องจัดการอาบน้ำประแป้งให้เจ้าตัวเล็ก
จากนั้นก็งานบ้านอีกจิปาถะที่มีให้ทำอยู่ทุกวัน

แล้วชั้นก็ดึงตัวเองกลับมาสู่โลกของความเป็นจริง
ชั้นโชคดีที่เกิดและเติบโตมาในครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อม
ครอบครัวเรารวยความสุข รวยเสียงหัวเราะ รวย... จนรู้สึกล้น

เมื่อก่อนพ่อทำงาน แม่เป็นแม่บ้าน ลูกๆ ทุกคนเรียนหนังสือ
ตอนนี้พ่อเกษียณ เป็นข้าราชการบำนาญ แม่ก็ยังคงเป็นแม่บ้าน ลูกๆ ทุกคนเรียนจบหมดแล้ว
บางครั้งพ่อไปนอนบ้านป้า เพราะป้าไม่มีใครคอยดูแล
แม่จึงอยู่บ้านกับลูกๆ
ขณะที่ลูกออกไปทำงาน แม่ก็จัดการงานบ้าน งานครัวสารพัด
มีบ้างที่ชั้นได้ช่วยนิดๆ หน่อยๆ แต่ก็ยังรู้สึกว่าแม่ทำงานบ้านเยอะมากๆ
แม่บอกว่า "ลูกผู้หญิง ต้องเป็นงานบ้าน งานครัว" ชั้นเห็นท่าจะจริง

วันนึง... ชั้นอาจจะต้องทำเช่นเดียวกับที่ท่านแม่ทำ
วันนึง... ชั้นอาจจะต้องเป็นแม่บ้าน ในขณะที่สามีและลูกๆ ออกไปทำงาน ออกไปเรียน
ทุกวัน... ชั้นจะจัดการงานบ้าน งานครัว โดยที่แอบมองประตูบ้านบ่อยๆ ว่าจะมีใครกลับมาบ้างรึยัง

แต่กว่าจะถึงวันนั้น... ชั้นจะเจอใครสักคนมั้ย ที่พร้อมจะใช้ชีวิตกับชั้น
ใครสักคน... ที่ไม่ว่าชั้นจะเปลี่ยนไปแค่ไหน เค้าก็จะยังรักและเข้าใจชั้น
ต่อให้จะมีตีนกา มีใฝฝ้า และวันวัยของชั้นร่วงโรย แต่เค้าก็จะยังรักชั้น และอยู่เคียงข้างกันเสมอ
ต่อให้ชั้นแก่ และความจำเริ่มเลอะเลือน... แต่เค้าก็ยังคงคอยอยู่เคียงข้างชั้น คอนเตือนความจำชั้น
และคอยพร่ำบอกชั้น... ว่าเรา 2 คนยังคงรักกันมากแค่ไหน
ก็แค่... ใครสักคนนั้น จะยังคงรักชั้น ไม่ว่าชั้นจะเป็นยายแก่แค่ไหนก็ตาม

11.4.52

-:: ทิ้งขว้าง ::-

ชั้นไม่เคยชินเลย กับการที่ต้องอยู่คนเดียว
ไม่คุ้นเคย ที่จะทำอะไรๆ เพียงลำพัง
ไม่เคยคิดว่าตัวเอง จะถูกใครต่อใครทิ้งไว้ข้างหลัง
ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร... เมื่อเจอกับภาวะเช่นนี้

ชั้นควรทำอย่างไร?
ชั้นต้องทำอย่างไร?
ชั้นต้องเลือกแบบไหน?
ชั้นต้อง... ?

ทำไมนะ?
ชั้นไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวชั้น
ทั้งที่ชั้นเคยมีเพื่อนมากมาย
มีใครต่อใครรายล้อมอยู่รอบตัว
แต่แล้วพอวันนึง... ชั้นก็กลับเหลือตัวคนเดียว

แล้วเธอก็เป็นอีกคน... ที่ปล่อยให้ชั้นต้องอยู่เพียงลำพัง

ชั้นเคยทำร้ายเธอเหรอ?
ชั้นเคยทำให้เธอเสียใจเหรอ?
แล้วทำไมเธอถึงทำให้ชั้นเสียใจได้... ขนาดนี้!

แค่เธอพูดออกมา... แค่เธอบอกว่าไม่รักชั้น
แค่เพียงเธอบอกว่าจะปล่อยชั้นไป
ชั้นก็พร้อมจะเดินจากไป... ด้วยดี
ได้โปรดอย่าบอกว่า "รัก" และ "คิดถึง" ชั้นแบบนี้
เพราะมันจะทำให้ชั้นสับสน... ระหว่างคำพูดและการกระทำของเธอ

-:: ชั้นไม่เคยชินกับการถูกทิ้งขว้างเท่าไหร่เลย ::-

3.2.52

+:: ห้วงรัก ::+

เธอตื่นขึ้นมาตอนเช้า พร้อมกับกดดูข้อความในมือถือ
"ขอโทษที่ใช้มุขเดิมนะ แต่วันนี้อากาศดี อยากชวนไปข้างนอกด้วยกัน"
เธอยิ้มที่มุมปาก ทั้งที่ยังไม่ทันล้างหน้าด้วยซ้ำ แล้วเธอก็จัดแจงพิมพ์ตอบออกไป
"กี่โมง? แล้วจะไปที่ไหนเหรอ?"
ขณะที่ลุกขึ้นพับผ้าห่ม และจัดผ้าปูเตียงให้เรียบร้อย เธอก็ได้ยินเสียงข้อความเข้าจากมือถือ
"ไปหามื้อเที่ยงกินกัน ที่ไหนก็ได้ แล้วแต่จะพาไป"
เธอยิ้มอีกครั้ง (เป็นครั้งที่สองภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที ซึ่งเป็นเรื่องที่หายากมากในชีวิตของเธอ)
"งั้นเจอกันที่ท่าเรือตอน 11:30 นะ"
#####################
หลังจากอาบน้ำ ทำกับข้าว และงานบ้านอีกนิดหน่อย เธอก็แต่งตัวแล้วมองดูเวลาอีกครั้ง ก่อนจะออกไปยังจุดนัดพบ
จากท่าเรือนัดพบ ไปยังท่าเรือปลายทาง กินเวลาเกือบชั่วโมง แต่ทั้งเธอและเขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหิวสักเท่าไหร่
พอขึ้นจากท่าเรือ เธอก็พาเขาเดินไปยังป้ายรถเมล์ เพื่อจะต่อนถไปยังสถานที่ที่เธอตั้งใจไว้
ระหว่างรอรถ ก็นั่งคุยกันเรื่องสัพเพเหระ เรื่องชีวิต เรื่องการงาน เรื่องเพื่อน และเรื่องความรัก
โดยที่ต่างคนต่างเลี่ยงที่จะพูดถึง "ความรู้สึกที่มีต่ออีกฝ่าย" ได้เพียงเฉไฉไปเรื่อยถึงเรื่องความรักของบรรดาเพื่อนๆ
เฉียดไป เฉียดมา โดยให้อีกฝ่ายแอบลุ้นอย่างระทึกว่า "จะมีเราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในความรู้สึกเหล่านั้นบ้างหรือเปล่านะ"
ผ่านไปสามชั่วโมงกับการรอคอยรถเมล์เพียงสายเดียว ที่จะพาไปถึงจุดหมายที่เธอตั้งใจไว้
จากมื้อเที่ยงกลับกลายเป็นมื้อเย็น แต่ทั้งคู่ก็ดูเหมือนอยากจะนั่งคุยกันแบบนั้นตลอดไป
และเมื่อเธอเริ่มตระหนักว่า... เรื่องที่คุยกันกำลังจะวกเข้ามาตอกย้ำบาดแผลเก่าๆ ของตัวเอง
เธอจึงตัดสินใจเรียกแท๊กซี่เพื่อไปยังร้านจุดหมาย
ผ่านไป 10 นาที ก็ถึงที่ มันเป็นร้านเล็กๆ ที่ไม่ได้หรูหราอะไร แต่เธอก็ทักทายทุกคนในร้านเหมือนกับเป็นญาติฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งของเธอ
ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ก็แค่ลูกค้ากับผู้ขายเท่านั้น แต่ด้วยอัธยาศัยที่ต่างฝ่ายต่างมี จึงช่วยไม่ได้ หากเธอและเจ้าของร้าน จะรู้จักและผูกมิตรสนิทกันถึงเพียงนี้
หลังจากจัดการมื้อเที่ยง + มื้อเย็นเสร็จเรียบร้อย เขามองหน้าเธอยิ้มๆ
"วันนี้มีอะไรพิเศษหรือเปล่า? ถึงได้พามากินอะไรไกลถึงที่นี่"
เธอเลิกคิ้วข้างหนึ่ง
"ตั้งใจไว้อย่างนั้นน่ะ ก็เห็นว่าอากาศดี เลยอยากจะพาไปดูอะไรหน่อย"
เขายิ้มอีกครั้ง (เขาเป็นคนที่ยิ้มง่าย และทำให้คนที่อยู่ใกล้รู้สึกผ่อนคลายได้เสมอ) ขณะที่ดูเวลา
"สี่โมงครึ่งแล้วเหรอ สงสัยวันนี้จะไม่มีแดดทั้งวันล่ะมั้ง ว่าแต่เราจะไปไหนกันต่อเนี่ย?"
เธอยิ้มและยักไหล่ แต่ก็ไม่ได้บอกอะไร แล้วทั้งคู่ก็ออกจากร้าน
#####################
ผ่านไปเกือบชั่วโมง เธอยังคงพาเขาเดินวนอยู่ในที่ที่ต่างก็ไม่รู้จัก แต่เขาก็ยังคงเดินคุยนั่น พูดนี่ไปอย่างสนุกสนาน
ส่วนเธอได้แต่เงียบ คลับคล้ายว่าจะเป็นผู้ฟังที่ดี แม้จะหัวเราะไปด้วย แต่สองคิ้วของเธอกลับขมวดเป็นปม ราวกับผูกโบว์ไว้
"จะว่าอะไรมั้ย... ถ้าจะบอกว่าขอโทษ ที่พามาหลง"
เธอถามขึ้นในที่สุด ขณะที่หยุดพักกันหน้าร้านถักผมและสักลาย เขามองหน้าเธอแล้วก็ยิ้มให้
"คิดไว้แล้วล่ะ ว่าคงพาหลง แต่ก็สนุกดีออก ได้เดินไปในที่ที่ไม่เคยเดิน ได้เห็นในมุมที่ไม่เคยเห็น ไม่ต้องเครียดน่ะ อากาศดีๆ แบบนี้ ได้เดินด้วยกันอย่างนี้... ดีที่สุดแล้วล่ะ"
แล้วเธอก็ยิ้มออกมาอีกครั้งทั้งที่ดวงตารื้นไปด้วยน้ำใสๆ ที่กำลังจะล้นออกมา เขาขยี้หัวเธอเบาๆ
"ไม่เอา อย่าร้องนะ เดี๋ยวใครเขาคิดไม่ดี หาว่าผมแกล้ง ว่าแต่จะพาผมไปที่ไหนเหรอ จะได้ถามทางเขาถูก"
"ท่าพระอาทิตย์" เธอบอกเขาเบาๆ อย่างนึกเสียดายเพราะไม่อยากให้เขารู้จุดหมายก่อนที่จะพาไปถึง
หลังจากถามทางแล้ว (ทุกคนที่นั่นใจดีมากๆ นอกจากจะบอกทางให้แล้ว ยังแทบจะเดินไปส่งให้ถึงที่ (ที่ที่เขาเดินเข้าไปถามนั้นเป็นค่ายมวยที่ตั้งอยู่ด้านในสุด แล้วต้องเดินผ่านบรรดาโต๊ะรับพนันมวยอีกต่างหาก ช่างกล้าชิบ!) พอรู้ทางแล้ว ก็ไม่วายที่ทั้งคู่จะหันไปขอบคุณดังๆ ขณะที่ทุกคนที่นั่นต่างยิ้มแล้หัวเราะให้
กว่าจะพ้นออกมาจากย่านนั้นได้ก็ปาไปห้าโมงเกือบจะครึ่งแล้ว เธอพาเขาไปหยุดที่สวนสันติไชยปราการ ยืนดูกลุ่มวัยรุ่นที่นั่งวาดรูแกนบ้าง จับกลุ่มเต้นบีบอยกันบ้าง อย่างสนใจ
"เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาที่นี่ล่ะ ขอบคุณมากๆ ครับ" เขาบอกยิ้มๆ และโคตรจริงใจ
ส่วนเธอได้แต่ยิ้มและเดินนำเขาไปอีกทาง ผ่านต้นลำพู (ต้นสุดท้ายของกรุงเทพแล้วมั้ง) มันยืนต้นอยู่อย่างเงียบเหงา แต่ก็ยืนหยัดมาได้จนถึงทุกวันนี้
จนกระทั่งมาหยุดที่ท่าพระอาทิตย์
ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติหลายคนกำลังถ่ายรูป กำลังพูดคุยกันที่ท่าเรือ
เขากับเธอได้แต่ยืนเงียบๆ มองดูแม่น้ำเจ้าพระยาและดูพระอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้า (อันที่จริงค่อยๆ อัสดงไปหลังสิ่งปลูกสร้างเหล่านั้น)
กระทั่งเขาฮัมเพลงขึ้นมาเบาๆ ขณะที่บังเอิญว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติคนหนึ่งเริ่มบรรเลงบทเพลงโดยแอคคอร์เดียนที่ม้าหินด้านหลัง
"ผมชอบเพลงนี้ล่ะ"
เขายังคงมีรอยยิ้มให้เธอเสมอ แน่ล่ะว่า เพียงรอยยิ้มที่เขามีให้ ก็ช่วยแบ่งเบาภาระอันหนักหน่วงที่เธอกำลังแบกอยู่... อย่างน้อยก็ช่วงหนึ่งที่มีเขายืนอยู่ข้างๆ เธอก็สามารถปล่อยวางภาระทั้งหลายแหล่ที่เธอแบกเอาไว้... ลงได้
"เรานั่งเรือไปต่อรถกันอีกครั้งนะ ก่อนกลับบ้าน" เธอบอกเขาแบบนี้ ขณะที่เขากำลังมองดูพระอาทิตย์
"วันนี้พระอาทิตย์สวยนะ" เธอเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูด เธอจึงยิ้มอีกครั้ง พร้อมกับที่ได้ยินเขาบอกว่า
"ผมเพิ่งสังเกตว่า เวลาตาสะท้อนแสงแบบนี้ก็สวยไปอีกแบบ"
เขามองหน้าเธอตรงๆ มองเข้าไปในดวงตาของเธอ แล้วเขาก็ยิ้มอายๆ
"ผมไม่กล้ามองตาตรงๆ หรอก เพราะตาดุ เคยแอบมองสองสามครั้ง เลยเห็นว่าตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นี้สวยดี"
และก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร เขาก็หายใจเข้าลึกๆ
"ขอบคุณที่ทำให้ผมได้เห็นอีกแง่มุมหนึ่งของชีวิตนะ เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาดูพระอาทิตย์ตอนเย็นแบบนี้ เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาท่าพระอาทิตย์ และเป็นครั้งแรกที่เราได้มาล่องเรือด้วยกัน"
แล้วทั้งเธอและเขาก็ลงเรือด่วนเจ้าพระยา เพื่อมายังที่หมายสุดท้ายก่อนกลับบ้าน
"ขอบคุณที่มาหลงกรุงเทพเป็นเพื่อนนะ" เธอบอกกับเขาเบาๆ ขณะที่นั่งอยู่บนรถ
"ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ เพราะผมได้เห็นอีกแง่มุมหนึ่งของชีวิต ที่ผมว่าคงจะไม่ได้เห็นบ่อยๆ อย่างน้อยก็ได้รู้จักสิ่งดีๆ ที่ซ่อนอยู่ของคนข้างๆ" เขาบอกเธออย่างมีนัย
"ถามอะไรอย่างนึงนะ" เธอพยักหน้าตอบ "เคยพาใครมากินอะไรแบบนี้ แล้วไปนั่งเรือด้วยกันแบบนี้มั้ย"
เธอยิ้มตอบเขา (แน่ล่ะว่ามันเป็นรอยยิ้มที่เธอเคยมีเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ และเธอได้เก็บมันซ่อนเอาไว้ภายใต้หน้ากากแห่งความทุกข์ระทม)
"เป็นความฝันเล็กๆ ที่แอบตั้งใจเอาไว้ว่า... วันนึงจะพาคนที่เชื่อใจที่สุด มาเดินด้วยกันในเส้นทางที่เคยประทับใจที่สุด และคนที่จะพามาด้วยมีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ"
เธอบอกแบบนี้ แน่ล่ะเขาส่งยิ้มให้เธออีกครั้ง
ไม่ใช่รอยยิ้มอย่างผู้มีชัย ไม่ใช่รอยยิ้มที่แสดงถึงความทะนงหรือสำคัญตน
หากแต่เป็นรอยยิ้มที่สุดแสนจะอ่อนโยน... ที่ช่วยตอกย้ำให้เธอมั่นใจอีกครั้งว่า... เขาภูมิใจมากเพียงใดที่รู้ว่าเธอเชื่อใจเขาที่สุด
"แค่คำขอบคุณ... คงน้อยไปสำหรับความรู้สึกและหลายๆ สิ่งที่ผมได้รับรู้และเข้าใจในวันนี้... แต่ก็ขอบคุณจริงๆ"
เขาบอกกับเธอก่อนที่จะส่งเธอเดินเข้าบ้านตอนสามทุ่ม โดยหารู้ไม่ว่า... นั่นคือช่วงเวลาสุท้ายที่เขาจะได้พบและพูดคุยกับเธอ
ขณะที่เธอเดินเข้าบ้านทั้งน้ำตา... เพราะที่สุดแล้วเธอก็จากลาโดยไม่ได้เอ่ยคำลาใดๆ กับเขา
#####################
ก่อนจะนอน... เธอนั่งฟังเสียงเรียกเข้าที่ไม่ช้าก็เงียบเสียงไป จากนั้นมือถือเธอจึงส่งเสียงอีกครั้ง... ว่ามีข้อความ
"วันนี้ผมมีความสุขและสนุกมากที่สุดเลยล่ะ ปล. อย่าไปลืมผู้หญิงคนนี้กับรอยยิ้มนั้นไว้ที่ไหนอีกล่ะ เรียกเธอกลับมาได้แล้ว ฝันดีนะครับ"
เธอยิ้มอีกครั้ง... เป็นรอยยิ้มที่บ่งบอกว่าเธอกำลังอยู่ในห้วงรักและมีความสุขมากมายเหลือเกิน จากนั้นเธอก็ปิดโทรศัพท์ พร้อมกับถอดซิมออก
แล้วการวิ่งหนีความรักของเธอจึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง... หลังจากที่เธอคิดว่าชีวิตนี้จะไม่มีทางได้พบเจออีกเป็นแน่แท้

12.7.51

It's not easy... To be me!

I can't stand to fly, I'm not that naive, I'm just out to find, The better part of me
It may sound absurd... but don't be naive, Even heroes have the right to bleed
I may be disturbed... but won't you concede, Even heroes have the right to dream

It's not easy... To be me!

I try to cares everyone, but it's too hard for me...
'Cause it's impossible to do this!

I try to shares everything with everyone, but finally I found no one which I can do this

Sometime I feel like I live in the otherside of everyone,
Orelse everyone are live in the otherside of my world.

It's too hard... to choose side while any trouble is laying in front of me.
When you try to understand some side, it's sure that you might be misunderstood with the other.

I hate to be here, I don't want to standing in the center, 'cause I can't choose side between my friend.

But... it's me, and this place is for me... and right for me to standing here.
Eventhough I'm not agree in anyway.

It's not easy... To be me!

10.7.51

ร้องไห้... กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

เมื่อไม่นานมานี้ ชั้นมีโอกาสได้ไปทะเล
จะเรียกว่าได้พักผ่อนหย่อนใจ รึว่าเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ๆ ให้กับชีวิตก็ตามที
แต่ไปทะเลคราวนี้... ชั้นได้ร้องไห้ด้วยว่ะ 5 5 5

ที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรหรอก... ที่เอาเป็นว่า อยู่ๆ ก็ร้องไห้ออกมา... ซะอย่างนั้น

ขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังฉายแสง ชั้นกำลังนั่งเขวี้ยงก้อนหินลงสู่น้ำทะเลเบื้องล่าง
ในขณะที่พี่อีก 2 คนกะลังคุยกันอยู่ ชั้นกลับกำลังคิดถึงเรื่องของคนที่เพิ่งจะโทรเข้ามาหาชั้น... แล้วชั้นไม่ได้รับสาย

---------------------

ที่จริงก็เห็นชื่อ และเบอร์ขึ้นโชว์อยู่... ก็รู้ว่าใครโทรมา
แต่ชั้นกลับปล่อยให้สายเรียกเข้านั้นดัง... จนกระทั่งสัญญาณตัดไป

ชั้นเคยรักพี่เจ้าของสายเรียกเข้านั้นน่ะ... รักมากมายจนถึงขนาดที่ชั้นพร่ำบอกใครต่อใครว่า...
นี่หล่ะ... พี่สาวที่รักของชั้น

ทั้งที่เมื่อก่อนเราโทรคุยกันทุกวัน เช้า กลางวัน และก่อนนอน
ทั้งที่เมื่อก่อนเราออกไปดูหนังกัน ออกไปเดินเที่ยว ออกไปหาอะไรกินกันทุกวันเสาร์และอาทิตย์
ทั้งที่เมื่อก่อนมีแค่เรา... ไม่ใช่เหรอ?

ทำไมพอมี "เค้าคนนั้น" ของพี่เข้ามา... แล้วชั้นกลายเป็นคนนอกไปซะล่ะ
ทำไมพอมี "เค้าคนนั้น" ของพี่เข้ามา... แล้วชั้นถึงถูกทิ้งไว้ซะล่ะ
ทำไมพอมี "เค้าคนนั้น" ของพี่เข้ามา... แล้วพี่ถึงไม่โทรหากันเหมือนอย่างเคย
ทำไมพอมี "เค้าคนนั้น" ของพี่เข้ามา... แล้วพี่ถึงเลื่อนตารางที่เรานัดกันไว้... ไปซะเฉยๆ อย่างนั้น

จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน...
จนตอนนี้... พี่เคยนับวันมั้ย... ว่าเราไม่ได้คุยกันนานเท่าไหร่แล้ว?
จนตอนนี้... พี่เคยนับวันมั้ย... ว่าเราไม่ได้เจอกันนานเท่าไหร่แล้ว?
จนตอนนี้... พี่เคยนับวันมั้ย... ว่าพี่ลืมหนูไปนานแค่ไหนแล้ว?

จนวันนึง... ชั้นเห็นชื่อและเบอร์ของพี่โชว์หราอยู่บนเครื่อง...
ชั้นก็นึกไม่ออกแล้วว่า... ระหว่างเราจะคุยอะไรกันดี
ชั้นปล่อยให้สายเรียกเข้านั้นดัง... จนตัดสายไป
---------------------

ขณะที่พี่อีก 2 คนนั้นกำลังคุยกันอยู่... ชั้นก็ดึงตัวเองกลับมาฟังในสิ่งที่พี่เค้าคุยกัน
พูดถึงสัตว์ 5 ชนิด ซึ่งหากจำเป็นต้องฆ่าทุกตัวแล้วไซร้... จะเลือกฆ่าอะไรก่อนดี

ระหว่าง เสือ วัว ลิง ม้า และแพะ...

โดยที่สัตว์ทั้ง 5 นี้... เปรียบเสมือน คน 5 ประเภท...
ซึ่งชั้นเองก็ไม่ถนัดอะไรกับปัญหาทำนองนี้หรอก... แต่รู้สึกอยากรู้คำตอบว่า...
สัตว์แต่ละอย่างนั้น... สื่อความหมายแทนคนแบบใด

หลังจากที่พี่คนนึงเลือกตอบไปแล้ว... ครานี้ถึงตาที่ชั้นต้องเลือกบ้าง...
ชั้นนั่งคิด... จากนั้นก็ตอบออกไป

เมื่อพี่เจ้าของคำถามเฉลยถึงความหมายของปริศนานี้... ชั้นได้แต่นั่งฟังนิ่งๆ
แล้วน้ำตาเจ้ากรรมมันก็ไหลออกมา

ชั้นจะไม่บอกว่าชั้นเลือกฆ่าสัตว์ชนิดใดก่อน... หากแต่สัตว์ที่ชั้นเลือกนั้น... หมายถึง "เพื่อน"

ชั้นสมน้ำหน้าตัวเอง... ชั้นเวทนาตัวเอง... และชั้นสมเพชตัวเองหลังจากที่ได้ยินคำเฉลย

ถ้าชั้นเลือกที่จะสังหารเพื่อนตัวเองเป็นอันดับแรกได้... ก็คงดีน่ะซิ
เพราะในความเป็นจริงของชั้น... ชั้นเสือกแคร์บรรดาเพื่อนๆ ทั้งหลาย มากกว่าที่จะแคร์ตัวเองซะด้วยซ้ำ!

ชั้นร้องไห้เบาๆ พลางเขวี้ยงก้อนหินลงน้ำ... ก้อนแล้ว... ก้อนเล่า
ด้วยหวังว่า... วันนึง ชั้นคงจะตัดเพื่อนบางคนออกไปจากชีวิตชั้นได้
ดั่งที่ชั้นสามารถเขวี้ยงก้อนหินเหล่านั้นออกไป ไกลออกไป ไกลออกไป

ชั้นเขวี้ยงก้อนหินลงทะเลไปทั้งหมด 153 ก้อน...
หากแต่ชั้นยังนั่งทับก้อนหินไว้อีก... เป็นแสน เป็นล้าน

แล้วชั้นจะต้องมานั่งร้องไห้... ให้กับก้อนหินเหล่านั้นอีกมั้ย?...
ชั้นเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

ชั้นรู้แค่เพียงว่า... ก้อนหินที่ชั้นเขวี้ยงออกไปนั้น... จะไม่มีวันย้อนกลับมาทำให้ชั้น... ต้องเขวี้ยงมันไปอีกครา

9.7.51

-:: และชั้นจะอดทน... แม้แทบขาดใจ ::-

นานแล้ว... ที่ชั้นไม่มีเวลามานั่งเขียน นั่งบันทึกเรื่องราว ความทรงจำ ความสุข ความเศร้า เรียงร้อยเรื่องราวผ่านตัวอักษร
นานแล้ว... ที่ชั้นทนเก็บ ทนเจ็บ และทนฝืน ทำในสิ่งที่ไร้สาระ
แต่ทว่า... ชั้นกลับยึดมันเป็นสรณะของชีวิต

"ความรัก" ความรู้สึกที่อยู่ๆ ก็เกิดขึ้น ไม่มีเหตุผล ไม่มีคำอธิบาย มีทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และการร้องไห้ ผสมปนเปกัน

ใช่แล้วล่ะ "ความรัก" คือเรื่องไร้สาระ... ที่ชั้นยึดถือเป็นสรณะของชีวิต

ชั้นเสียใจ ชั้นร้องไห้ ชั้นเกือบตาย เมื่อความรักมันไม่สมหวัง
แต่กระนั้น... ชั้นก็ไม่เคยมีอคติกับความรักเลยแม้แต่น้อย...

เพราะทุกครั้งที่ชั้นเสียใจ ทุกครั้งที่ชั้นร้องไห้... ชั้นกลับตระหนักได้ว่า
ชั้นจะต้องได้พบกับความรักที่แท้จริงอย่างแน่นอน

และตอนนี้ เหมือนว่าชั้นกำลังมีความสุข กำลังสบายดี... ในสิ่งที่ชั้นเป็นอยู่
ชั้นยิ้ม ชั้นหัวเราะ ชั้นมีความสุข... กระนั้นหรือ?

เปล่าเลย... เบื้องหลังรอยยิ้มของชั้น มันมีน้ำตาที่หลั่งไหลลงมาเป็นสาย
ชั้นร้องไห้... ใช่แล้วล่ะ เพียงแต่ไม่ปรารถนาให้ใครได้เห็น

ชั้นรู้สึกเหมือนคนที่ยืนอยู่ผิดที่ ผิดทาง
ชั้นเป็นส่วนเกินเหรอ?
ชั้นเป็นตัวสำรองเหรอ?
ชั้นเป็นคนคั่นเวลาเหรอ?
รึว่า... ชั้นเป็นแค่อีโง่ ในสายตาเธอ... เท่านั้น


ทั้งที่ชั้นออกจะภูมิใจ... ที่ได้เรียกขานอีกฝ่ายว่า "เพื่อนรัก"
ทั้งที่ชั้นออกจะภูมิใจ... ที่ได้เรียกขานอีกฝ่ายว่า "พี่สาวที่รัก"
ทั้งที่ชั้นออกจะภูมิใจ... ที่ได้เรียกขานอีกฝ่ายว่า "พี่ชายที่รัก"
ทั้งที่ชั้นออกจะภูมิใจ... ที่ได้เรียกขานอีกฝ่ายว่า "น้องชายที่รัก"

แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่าย... จะไม่เคยรับรู้ ไม่เคยยินดี... ที่ได้รับการเรียกขานจากชั้นว่า "ที่รัก"

ชั้นดีใจแค่ไหน... ที่เห็นข้อความทักทายจากบรรดาบุคคลอันเป็นที่รัก
ชั้นดีใจแค่ไหน... ที่ได้เห็นเบอร์โทรของบรรดาบุคคลอันเป็นที่รักแสดงอยู่เป็นสายเรียกเข้า
ชั้นดีใจแค่ไหน... ที่ได้เห็นหน้าค่าตา ได้พูดคุยกันซึ่งๆ หน้า และเห็นว่าบรรดาบุคคลอันเป็นที่รักนั้นสุขสบายเพียงใด

ชั้นดีใจแค่ไหน... บรรดาบุคคลอันเป็นที่รักรู้บ้างมั้ย... กับความรู้สึกเหล่านี้

แล้วเคยรู้มั้ย... ว่าชั้นเสียใจมากแค่ไหน ที่ได้รู้ว่าใครต่อใครทำร้ายจิตใจของบรรดาบุคคลอันเป็นที่รักของชั้น
เคยรู้บ้างมั้ย... ว่าน้ำตาที่ชั้นเสียไป ชั้นร้องไห้เพราะเรื่องของคนอื่น มากกว่าเรื่องของตัวเองซะอีก

เพราะชั้นเลือกที่จะรุ้สึกเองใช่มั้ย?
เพราะชั้นเลือกที่จะเจ็บเองใช่รึปล่าว?

เพราะชั้นเสือกเอาหัวใจไปผูกไว้ที่ตีนของใครต่อใคร...
เพราะงั้นก็ควรสมน้ำหน้าใช่มั้ย... ที่เวลาคนพวกนั้นเดินจากไป
เค้าก็เหยียบย่ำและกระทืบซ้ำที่หัวใจชั้นไปตลอดทุกย่างก้าว

ก็ในเมื่อชั้นเลือกที่จะเป็นแบบนี้...
เลือกที่จะใส่ใจบรรดาบุคคลอันเป็นที่รักต่อไป แม้จะรับรู้ว่า... บางคนคงเลิกให้ความสำคัญกับชั้นตั้งนานแล้ว

ชั้นก็ควรที่จะอดทนต่อไปใช่มั้ย?
เพราะยังไงซะ... ในสายตาของใครต่อใคร
ชั้นมันเข้มแข็งอยู่แล้วนี่

23.1.51

...:: Shadow of the day ::...

Everything so quiet... I look out the window and look into the sky, the moon is so blue but still shining.
Sorrow but beauty, Loneliness but so strenght...

+++++++++++++++++++++

Tonight is so cold, and my heart still freeze... I think I can't breath may be I'm dying.
But... my mind still missing for something or someone... But I don't know what or who?

+++++++++++++++++++++

The last thing on my mind is "How can I die with peace?"
And again that my mind is thinking for a while... about something or someone

+++++++++++++++++++++

I hold my mind back to my soul again... and then I close my eyes for a moment... I need some rest!

+++++++++++++++++++++

My eyes are close... So I can't see everything, it's all dark! But I can feel cold deep inside my soul
May be I'm in underworld...
I try to reach someone's hand... But there's no one...

...:: I'm alone again ::...

My night is dark... My day is shadow... And my mind is sorrow down deep!

19.11.50

...:: November Rain ::...

สายฝนของเดือนพฤศจิกายน ทำไมมันช่างหนาวเหน็บและชวนหดหู่ถึงเพียงนี้

ชั้นไม่อาจลมเรื่องบางเรื่องได้... ไม่อาจทำใจยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นได้... ไม่อาจ...................

มันรวดเร็วเกินไป กระทันหันเกินไป สาหัสเกินไป โหดร้ายเกินไป... จนไม่ทันตั้งตัว

แม้จะผ่านพ้นมาเกือบครบสัปดาห์แล้ว... แต่ชั้นก็ยังไม่อาจทำใจรับเรื่องเหล่านั้นได้เลย

ยิ่งพายามเท่าไหร่... ก็ยิ่งรู้สึกว่าชั้นยิ่งฝืนตัวเองมากขึ้นเท่านั้น

ยิ่งจะลบเลือนมันเท่าไหร่... ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังตอกย้ำสิ่งเหล่านั้นลงในห้วงความทรงจำ

ไม่อาจลบเลือนได้... ไม่อาจทำใจได้... ไม่อาจย้อนเวลากลับมาได้... และไม่อาจให้อภัยตัวเองได้เลย


เกือบ 1 สัปดาห์แห่งการสูญเสีย... ชั้นได้แค่เพียงบอกกับตัวเองเบาๆ ว่า "มันสายเกินไปแล้ว" สำหรับทุกสิ่ง

สายเกินไปที่จะมารู้สึกผิด

สายเกินไปที่จะมาเริ่มต้นใหม่

สายเกินไปที่จะบอกกับอีกฝ่ายว่า "ชั้นขอโทษที่รู้สึกรำคาญ"


ชั้นจะไม่ขอลืมเลือนบางสิ่งบางอย่าง... ไม่ขอลบเลือนความทรงจำหลายอย่าง... ไม่ขอ........................

...:: ชั้นจะเก็บเธอไว้ในความทรงจำ ::...


ว่าครั้งนึง... เคยมีคนทำให้ชั้นวุ่นวายได้เพียงนี้

ว่าครั้งนึง... เคยมีคนทำให้ชั้นรำคาญใจได้เพียงนี้

ว่าครั้งนึง... เคยมีคนทำให้ชั้นเบื่อได้เพียงนี้

ว่าครั้งนึง... เคยมีคนทำให้ชั้นโมโหได้เพียงนี้

ว่าครั้งนึง... เคยมีคนทำให้ชั้นเกลียดโทรศัพท์ได้เพียงนี้

ว่าครั้งนึง... เคยมีคนทำให้ชั้นเสียใจได้เพียงนี้

ว่าครั้งนึง... เคยมีคนทำให้ชั้นอยากจดจำไว้ได้เพียงนี้

ว่าครั้งนึง... เคยมีคนทำให้ชั้นร้องไห้นานหลายวันแบบนี้

ว่าครั้งนึง... เคยมีคนทำให้ชั้นรู้สึกมากมายในคราวเดียวได้แบบนี้


ทั้งที่เคยเจอหน้าเพียงครั้งเดียว

ทั้งที่.................................................


+++ หลับให้สบายนะ... ที่นี่ไม่มีอะไรให้เธอต้องกังวลรึเป็นห่วงอีกแล้ว +++

26.10.50

...:: โชคดีที่โชคร้าย ::...

ทำไมเธอยังยิ้มได้ทั้งที่เธอมีน้ำตา... ทำไมเธอยังยิ้มได้ทุกครั้ง

ทำไมเรื่องเลวร้าย ร้ายแรงเท่าใดเธอไม่เคยหวั่น ทำไมเธอยังยิ้มได้เสมอ

หรือเคยมีความทุกข์ที่กระทำกับเธอในครั้งนั้น มันอาจจะรุนแรงเกินกว่าความทุกข์ที่กระทำเธอในครั้งนี้

เธอเคยประสบโชคร้ายมากมายกว่าในครั้งนี้หลายร้อยเท่า ก็แค่เรื่องเศร้าๆ ในวันนี้มันเลยกลายเป็นแค่เรื่องเบาๆ

โชคดีที่เธอเคบปวดร้าว เธอโชคดีกว่าคนที่ไม่เคยเจอะเจอ

โชคดีที่เธอเคยโชคร้าย คนที่ไม่เคยโชคร้ายคงจะทนไม่ได้อย่างเธอ


+++++++++++++++++++++


ชั้นเคยฟังเพลงนี้เมื่อสมัย 10 กว่าปีที่แล้วเห็นจะได้

ชื่อเพลง "โชคดีที่โชคร้าย" ของคุณหนึ่ง ภู่ระย้า [หากสะกดชื่อผิดไป ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ]


เป็นเพลงอินดี้ยุคแรกๆ ที่ได้ฟังแล้วประทับใจในเนื้อเพลง

ตรงๆ สั้นๆ ได้ใจความ ใช้คำธรรมดาๆ ที่เราๆ ท่านๆ อ่านรึฟังแล้วเข้าใจได้ทันที

และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครต่อใครอีกหลายๆ คนสามารถลุกขึ้นได้อีกครั้ง

ชั้นเองก็คือหนึ่งในจำนวนคนที่สามารถลุกขึ้นได้ด้วย

บางครั้ง บางเรื่องราว บางเหตุการณ์... ชั้นอาจจะทำใจยอมรับมันไม่ได้

แต่โชคดีที่ว่า... ชั้นเคยประสบพบเจอเรื่องราวที่มันสั่นสะเทือนความรู้สึกมานักต่อนักแล้ว...

เพราะงั้น เมื่อต้องมาพบเจอปัญหา รึเรื่องราวร้ายๆ อีกครั้ง

อย่างน้อย... ชั้นก็รู้สึว่า



+++ ชั้นช่างโชคดีเหลือเกิน... ที่ชั้นเคยโชคร้าย... เพราะเรื่องร้ายๆ ที่ชั้นต้องมาพบเจอในครั้งนี้ มันเทียบไม่ได้กับเรื่องร้ายๆ ที่ผ่านมา +++


และในเมื่อเรื่องร้ายแรงเมื่อครั้งอดีตนั้น... ชั้นยังผ่านพ้นมาได้

แล้วทำไมครั้งนี้... ชั้นจะไม่สามารถผ่านพ้นมันไปได้อีกครั้งกันเล่า


เพราะงั้น... ชั้นถึงได้มีเรี่ยวแรง มีกำลัง สามารถยืนหยัดลุกขึ้นเผชิญหน้ากับปัญหาได้อีกครั้ง

เพราะชั้นรู้สึกว่า... ชั้นช่างโชคดีที่เคยโชคร้ายจริงๆ

18.9.50

Someone used to ask me "Why do you do like this?"
"Fasting, for what?... Just hurt your healthy and not have anything better!"

I just smile to them and said "I do it for my God, my health and of course my faith" and then, I leave them behind.

I think "If they wanna know more, they just ask me..."
But they just laught at me and don't ask me anymore!

So this is the reason that I don't waste my time with everyone "Who don't believe in God [ALLAH] and don't believe in Mohammed. [The Prophet]"

All of my brother!... You must "Thank you for ALLAH" about the time of your life, that bring you to see "Ramadon" again

This month is holy and greatful for all of us!
This month, you can test your faith & proof youself.

I think all of my brothers know "Why we must fasting in this month?" and "What thing that you can get if you do this?"

So... All of my brother, this is the precious time that we can do all of the good thing [Ibadat] for raise your goodness more and more.

Eventhough who you are?, Eventhough where you live?, Eventhough how about you & your lifestyle?,...
All of we have the great chance to change our life!

Fasting... for get everything better!
OR
Do not fasting,... and let yourself for wasting this precious time!

This is your dicision, you must make by your own!...

...:: Every steps that you close to The only one God [ALLAH], The only one God [ALLAH] will close to you more than you think ::...
...:: And Every steps that you far away of The only one God [ALLAH], The Only one God [ALLAH] will far away more than you think ::...


This is an article from me, The one who not good at in English. 'Cause I just want to share my mind for veryone who want to know!

I'm Yamilnoor : The light that show you the right way

11.9.50

...:: 'Cause I'm Yours ::...

Someone told me to left you behind.
Someone told me, you are bad person.
Someone told me, you not love me like I love you.
Someone told me, you're the one who betray my love!
Someone told me...Blah blah blah... about your past.
I don't know you before we talk to each other,
I don't know you anymore before we decide to walk to each other.

But I don't care 'bout your past,
I don't care what you were
I just care for you since the day you came in to my life, untill now...
I still care you more and more.
I know sometime, you worry 'bout yourself...
You think that you not good enough for me.
But do you know what?...
Everytime that you're worry, I'm more worry than you ever know.
Let me tell you something that I have no chance to tell you.
Eventhough who are you used to be, what the best or damn thing that you ever done.
Please do not worry 'bout me, 'Cause I'm yours.
Eventhough what happened with you,
Up to now I'm here... I'm beside you, with all my love and my heart.
Like you told me before... "You & Me... We were born born for each other"
Since you told my Mom & Dad that you love me,
I decide to give you all my love, my heart and my soul!
Eventhough you are not here, not know what I say, and not know anything.
But I know you can understand my feeling, right?

You're in heaven or somewhere,
I hope you can see me and know "What happen with me?" right?
So... You know that I've no heart for love anyone,
'Cause my heart is belonging to you forever!
+++ 'Cause I'm yours!!! +++

...:: You are the otherside of my world ::...

...This is My World...

If I'm a Sin...You're a Saint...
If I'm The Worst...You're The Best...
If I'm The Dark...You're The Light...

...We're So Different...
I want to stand beside you...But it's seem like difficult too much!

Eventhough I try to reach your hand... When you give it to me...But so far far away...

Like I can't touching you...
Like I can't feel your breath or hear your words..

I want to know... "WHY?"

Now I've found the answer... 'Cause you're the otherside of my world!!!

I want to runaway from you now...
To the place that I can...To the place that I don't know where?
But...In that place...I can live alone...
Let my heart can be free from everything...
Leave the sadness behind...

And In that place...
I can be myself...
Doing anything that I want...Without rules...Without clue

I just want to be myself...want to be the real me...
Don't want everybody tell me Who I should be or try to tell me what's right for me!!!

Please Let me free & Leave me alone
Don't give me your heart for just want to control me!
But Just get me & accept me... "What I am"

'Cause...If you do this things...
That mean...You're coming to my world and stand beside me...

And finally...We will walk together...